สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง คือ สัตว์ที่แลกเปลี่ยนก๊าซหายใจผ่านผิวหนัง โดยอาศัยโครงข่ายหลอดเลือดฝอยจำนวนมากที่กระจายอยู่ใต้ผิวหนัง หายใจทางผิวหนัง สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีหลากหลายชนิด แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ปลาหายใจทางไหน

  • สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เช่น กบ เขียด ปาด ซาลาแมนเดอร์ ทาก และหอยทาก
  • สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ฟองน้ำ หนอนตัวแบน หนอนทะเล ทากทะเล ปลาดาว ดาวทะเล และแมงกะพรุน ระบบหายใจของปลา

กลไกการหายใจทางผิวหนัง

การหายใจทางผิวหนังของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกนั้น ระบบหายใจของนก เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผิวหนังชุ่มชื้น เนื่องจากออกซิเจนสามารถแพร่ผ่านผิวหนังได้ดีที่สุดเมื่อผิวหนังชุ่มชื้น ระบบหายใจของสัตว์ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจึงมักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ริมน้ำ ลำธาร ป่าดิบชื้น เป็นต้น การหายใจของปลา

ส่วนกลไกการหายใจทางผิวหนังของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนั้น แตกต่างกันไปตามชนิดของสัตว์ ตัวอย่างเช่น ถุงลมมีหน้าที่อะไร ฟองน้ำอาศัยการแพร่ผ่านผิวด้านนอกของเซลล์ ทากทะเลอาศัยการแพร่ผ่านท่อน้ำที่มีลักษณะคล้ายใยแก้ว นกหายใจทางไหน ปลาดาวอาศัยการแพร่ผ่านเซลล์ผิวหนังที่มีลักษณะคล้ายแผ่นบางๆ เป็นต้น การหายใจของสัตว์

ประโยชน์ของการหายใจทางผิวหนัง

การหายใจทางผิวหนังมีข้อดีคือ ถุงลมของนกมีหน้าที่อะไร สัตว์สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซหายใจได้โดยไม่ต้องใช้อวัยวะพิเศษใดๆ ทำให้ประหยัดพลังงาน และสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงได้ อย่างไรก็ตาม ระบบหายใจมีหน้าที่อะไร การหายใจทางผิวหนังก็มีข้อเสียคือ สัตว์จะไม่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งได้นาน ระบบหายใจมีหน้าที่

ตัวอย่างสัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

  • ตัวอย่างสัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง ได้แก่ ระบบหายใจมนุษย์

    • สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เช่น กบ เขียด ปาด ซาลาแมนเดอร์ ทาก และหอยทาก
    • สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น
      • ฟองน้ำ เช่น ฟองน้ำทะเล ฟองน้ำน้ำจืด
      • หนอนตัวแบน เช่น พลานาเรีย ไส้เดือนฝอย ปลิงดูดเลือด
      • หนอนทะเล เช่น หนอนทะเลนิ่ม หนอนทะเลแข็ง
      • ทากทะเล เช่น ทากทะเลเปลือย ทากทะเลเปลือกแข็ง
      • ปลาดาว เช่น ปลาดาวทะเล ปลาดาวน้ำจืด
      • ดาวทะเล เช่น ดาวทะเลทะเล ดาวทะเลน้ำจืด
      • แมงกะพรุน เช่น แมงกะพรุนทะเล แมงกะพรุนน้ำจืด
สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

การอยู่อาศัย

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำหรือในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เนื่องจากผิวหนังของสัตว์เหล่านี้จำเป็นต้องชุ่มชื้นอยู่เสมอเพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดียิ่งขึ้น ถุงลมปอดมีหน้าที่

สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกทุกชนิดอาศัยอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ในช่วงตัวอ่อน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจะหายใจด้วยเหงือก ถุงลมมีหน้าที่ แต่ในช่วงตัวเต็มวัยจะหายใจด้วยปอดเป็นหลัก แต่ยังสามารถหายใจทางผิวหนังได้อีกด้วย กบหายใจทางไหน

สัตว์เลื้อยคลานบางชนิดที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เช่น เต่าน้ำ จระเข้ งูบางชนิด สามารถหายใจทางผิวหนังได้เช่นกัน แต่จะใช้การหายใจทางปอดเป็นหลักเช่นกัน

หนอนตัวแบนและหอยทากสามารถหายใจทางผิวหนังได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อวัยวะหายใจอื่นๆ ผิวหนังของสัตว์เหล่านี้มีต่อมเมือกที่ช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างของสภาพแวดล้อมที่สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังอาศัยอยู่ ได้แก่

  • น้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ
  • น้ำกร่อย เช่น ปากแม่น้ำ
  • บนบกในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เช่น ป่าดิบชื้น ป่าชายเลน

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังบางชนิดสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ เช่น กบในทะเลทราย ซึ่งจะมีผิวหนังที่หนาและแห้งกว่ากบในสภาพแวดล้อมที่ชื้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องอาศัยแหล่งน้ำเพื่อชุ่มชื้นผิวหนังอยู่เสมอ

การอยู่อาศัยของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีความสัมพันธ์กับกลไกการหายใจของสัตว์ชนิดนั้นๆ สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวหนังสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดียิ่งขึ้น

อาหารของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีอาหารหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์และสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่

  • สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นสัตว์กินเนื้อ กินแมลง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก และปลาเป็นอาหาร สัตว์เลื้อยคลานบางชนิดที่หายใจทางผิวหนัง เช่น เต่าน้ำ จระเข้ งูบางชนิด กินสัตว์เป็นอาหาร เช่น ปลา สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
  • หนอนตัวแบนและหอยทากเป็นสัตว์กินพืช กินพืชเป็นอาหาร เช่น ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้
  • ปลาบางชนิดที่หายใจทางผิวหนัง เช่น ปลาไหลไฟฟ้า ปลาดุก กินสัตว์เป็นอาหาร เช่น ปลาขนาดเล็ก กุ้ง หอย
  • แมลงบางชนิดที่หายใจทางผิวหนัง เช่น แมลงปอ แมลงวัน กินแมลงด้วยกันเป็นอาหาร

การกินอาหารของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีความสัมพันธ์กับความต้องการพลังงานของสัตว์ชนิดนั้นๆ สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังจำเป็นต้องใช้พลังงานในการหายใจมากกว่าสัตว์ที่หายใจด้วยอวัยวะหายใจอื่นๆ ดังนั้นสัตว์ที่หายใจทางผิวหนังจึงจำเป็นต้องกินอาหารที่มีพลังงานสูง

ตัวอย่างอาหารของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง ได้แก่

  • สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก: แมลง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก ปลา
  • สัตว์เลื้อยคลานบางชนิด: สัตว์เป็นอาหาร เช่น ปลา สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
  • หนอนตัวแบนและหอยทาก: พืช เช่น ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้
  • ปลาบางชนิด: สัตว์เป็นอาหาร เช่น ปลาขนาดเล็ก กุ้ง หอย
  • แมลงบางชนิด: แมลงด้วยกัน

อาหารของสัตว์ที่หายใจทางผิวหนังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของสัตว์ชนิดนั้นๆ สัตว์ที่กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนจะแข็งแรงและสามารถเจริญเติบโตได้ดี

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนัง

สรุป

สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังเป็นสัตว์ที่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านผิวหนังได้โดยตรง โดยอาศัยโครงข่ายหลอดเลือดฝอยจำนวนมากที่กระจายอยู่ใต้ผิวหนัง สัตว์ที่หายใจทางผิวหนังส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำหรือในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เช่น สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลานบางชนิด หนอนตัวแบน หอยทาก เป็นต้น อธิบายระบบหายใจ

ข้อดีของการหายใจทางผิวหนังคือ สัตว์ไม่จำเป็นต้องใช้อวัยวะหายใจอื่นๆ เช่น เหงือกหรือ ปอดมีหน้าที่ ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานและมีพื้นที่ใช้สอยในร่างกายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การหายใจทางผิวหนังก็มีข้อเสียเช่นกัน คือ สัตว์จะไม่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ การหายใจทางผิวหนังของสัตว์แต่ละชนิดมีกลไกที่แตกต่างกันไป สัตว์บางชนิดมีผิวหนังที่บางและชุ่มชื้นเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดียิ่งขึ้น สัตว์บางชนิดมีต่อมเมือกที่ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นอยู่เสมอ สัตว์บางชนิดมีโครงสร้างพิเศษในผิวหนังที่ช่วยในการแลกเปลี่ยนก๊าซ เช่น เกล็ดผิวหนังของปลาไหลไฟฟ้า หน้าที่ระบบหายใจ

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ที่ : https://typeanimal.com

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ :